วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Alone

อยากได้เวลาไหม ?

เวลาที่จะไม่ต้องแคร์ความรู้สึกใคร เวลาที่จะร้องไห้ เวลาที่จะคิดถึงความรู้สึกเก่าเก่า

เวลาที่จะจมอยู่กับเรื่องอะไรซักอย่าง เวลาที่ไม่ต้องไปรองรับอารมณ์ของใคร

เวลาที่ไม่อยากจะเล่าอะไรให้ใครฟัง เวลาที่ไม่ต้องการใครซักคนเลยจริงจริง

เวลาที่จะทำทุกสิ่งอย่างเพื่อตัวเอง
เวลาที่จะอยู่คนเดียว...

อยากทำอะไรก็ได้
อยากตัดสินใจได้เอง
อยากร้องเพลงก็ไม่ต้องอาย
อยากร้องไห้ก็ไม่ต้องเขิน

อยากเดินไปไหนก็ไป
อยากอยู่แบบไม่มีใครว่า
อยากมองฟ้านานนานก็ได้
อยากรู้ความหมายของชีวิต

ไม่อยากคิดเรื่องคนอื่น
ไม่อยากฝืนตามใจใคร
ไม่อยากได้ความสงสาร
ไม่อยากฟังเรื่องเซ็งเซ็ง

อยากรักตัวเองให้มากกว่านี้
อยากมีจะเวลาให้กับความฝัน
อยากมีความคิดของใครของมัน
ขอเถอะ ขอให้ฉัน อยู่คนเดียว...

ก็นับข้อดีของการอยู่คนเดียวได้เยอะแล้ว มาลองอยู่คนเดียวกันเถอะ...0/

แต่ "เหงา" หน่อยนะ...

บรรทัดสุดท้ายนี่ทำให้บทความนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยแฮะ :p

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Tanabata Matsuri

                    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ฝั่งแม่น้ำด้านเหนือของ "อามาโนะคาวะ (amanokawa)" (ทางช้างเผือก)บนสวรรค์

                    เทพผู้ครองสวรรค์มีลูกสาวนางหนึ่งชื่อว่า "โอริฮิเมะ" นางสวยงามและ
ขยันขันแข็ง งานของเธอคือการทอผ้าี่ ผ้าที่เธอทอนั้นสวยงามประณีตเป็นที่พึงพอใจ
ของเหล่าเทพทั้งหลายและการที่ผ้าเธอทองดงามนั่นเอง ทำให้เธอต้องทอผ้าตลอด
วันตลอดคืน แต่เธอก็ยังขยันไม่เคยหยุดงานทอผ้าเลย

                    การที่นางทำงานไม่ยอมพักผ่อนทำให้เทพผู้เป็นบิดาเป็นห่วงและ
สงสาร จึงคิดว่าจะเธอได้มีคู่ครองให้ได้มีความสุขเล็กๆน้อยๆบ้างเทพผู้เป็นบิดาจึง
เลือกคู่ให้เธอ

                    โอริฮิเมะถูกใจชายหนุ่มชื่อ "ฮิโกโบชิ" มาก หนุ่มผู้นี้เป็นคนเลี้ยงวัว
อยู่ฝั่งด้านใต้ของอะมะโนะคาวะ เขาเป็นหนุ่มที่ขยันไม่แพ้โอริฮิเมะ ชายหนุ่มมี
ร่างกายกำยำสง่างาม และถูกตาต้องใจโอริฮิเมะเหมือนกัน

                    เทพผู้เป็นบิดา เห็นดังนั้น จึงจัดการให้ทั้งสองได้แต่งงานเรื่องราว
ที่เหมือนกำลังจะมีแต่ความสุข แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น

                    เมื่อ โอริฮิเมะ กับ ฮิโกโบชิ ได้แต่งงานกัน โอริฮิเมะ ก็ไม่ยอม
ทอผ้าเหมือนแต่ก่อน ทั้งคู่ได้แต่ออกเที่ยวด้วยกัน ทุกวันทุกคืนเธอมีความสุข
และหลงรักฮิโกโบชิมาก จนลืมหน้าที่และงานของตนเอง

                   ในช่วงแรกเทพผู้เป็นบิดาก็ให้อภัยเธอตลอด แต่นานวันเข้า เธอยิ่ง
หลงระเริงไปกับความรักจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เทพผู้เป็นบิดาจรึงโกรธและลงโทษ
สาปให้ทั้งสองแยกจากกันไปคนละทิศ โดยให้แต่ละคนไปอยู่กันคนละฝั่งของ
อามาโนะคาวะ(ทางช้างเผือก)

                    เมื่อทั้งสองโดยแยกออกจากกัน โอริฮิเมะก็โศรกเศร้าที่ต้องพลัดพราก และร่ำอาลัยแก่สามีสุดที่รัก จนน้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด

                    เทพผู้เป็นบิดา เฝ้ามองโอริฮิเมะทุกวันคืน เห็นอาการโศกเศร้าร้ายแรงขึ้นก็สงสารจนทนไม่ได้ จึงบอกว่า "จะอนุญาติให้โอริฮิเมะข้ามอามาโนะคาวะไปพบกับฮิโกโบชิได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุก ๆ ปี

                    และจากนั้นมา โอริฮิเมะและฮิโกโบชิ ก็กลับมาขยันเหมือนเดิม เฝ้ารอวันที่ 7 เดือน 7 เมื่ออามาโนะคาวะปรากฎขึ้นบนฟากฟ้า
 
                    โอริฮิเมะ และ ฮิโกโบิชิ ทั้งสองต่างเฝ้ารอและเฝ้าหวังว่าจะได้มาพบกันที่ทางช้างเผือกแห่งนี้ แม้ว่าแค่หนึ่งปีจะได้พบกันแค่หนึ่งครั้งก็ตาม...

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

InSpiraTion from heart

เวลาที่เราเรียนรู้ศึกษาใครสักคน ก็เหมือนกับการที่เราฟังเพลงหนึ่งอัลบั้มของศิลปินคนนึง


ถ้าเราฟังเพลงไม่หมดทั้งอัลบั้มแล้วเราบอกว่า ไม่ชอบ ไม่โดนก็น่าเสียดาย


 เพราะจริงๆแล้วเพลงที่เราชอบที่สุดอาจไม่ได้เป็นเพลงฮิต มันอาจจะอยู่ท้ายๆ

เราอาจจะมองข้ามมันไป เพราะสิ่งที่คุณชอบที่สุดในตัวคนที่คุณรักหรือชอบ

มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง เหมือนกับบางทีมันอาจจะเป็นแค่เพลงๆนึง

ที่ไม่ได้เพราะมากมาย แต่มันเพราะสำหรับเรา มันบรรเลงออกมาเพื่อเรา

หรือแม้แต่เพราะว่า มันเป็นเพลงที่ทำให้คุณคิดถึงเค้าได้ ในเวลาที่ได้ยิน

 สิ่งที่สำคัญจริงๆสำหรับเราก็คือ สิ่งที่เราพอใจ

วันนี้คุณได้ทำให้ใครพอใจในเสียงเพลงของคุณ

หรือค้นพบท่วงทำนองของใครสักคนที่ขับกล่อมมาเพื่อคุณหรือยัง

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

One part of love


One part of love


“เพื่อน”ทำให้คุณมองเห็นถึงอดีต ที่ผ่านมาด้วยกัน
------------------------------------------------------------
“คนรัก”ทำให้คุณมองเห็นถึงอนาคต ที่จะมีด้วยกันต่อไป
-------------------------------------------------------------------
“เพื่อน”แม้จะไม่ได้อยู่กับคุณตลอด แต่ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
------------------------------------------------------------------------------------
“คนรัก”แม้จะไม่ได้บอกรักกันตลอด แต่ก็รักคุณเสมอ
----------------------------------------------------------------
“ความรัก”ที่คุณจะได้จากเพื่อนมากที่สุด คือ”เพื่อนรัก”
-------------------------------------------------------------------
“ความรัก”ที่คุณจะได้จากคนรักมากที่สุด คือ”รักคุณคนเดียว”
---------------------------------------------------------------------------
แล้ววันนี้คุณเห็นคุณค่าของ”ความรัก”หรือยัง 

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

Nothing on You


ไม่มีใครในโลกที่ไม่มีความรัก
ความรักมีหลายรูปแบบ
---------------------------------------------
รักในงานที่ทำ รักครอบครัว รักแบบคนรัก รักแบบ ช-ช รักแบบ ญ-ญ รักสัตว์เลี้ยง รักเด็ก ฯลฯ
ไม่ว่าความรักที่คุณได้ค้นพบจะเป็นในรูปแบบไหน
ขอให้คุณมีความสุขกับมัน หากมันไม่ทำร้ายใคร
และไม่ว่าคุณจะรักใคร ขอให้รักให้ดีที่สุด
-----------------------------------------------------
พรหมลิขิตเขียนทุกอย่างขึ้นมาในชีวิตคุณ แต่ไม่อาจเขียนให้ “คุณรักใคร”ได้

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

Life is a chance

Life is a chance
ชีวิตของคนเรานั้นเริ่มต้นเมื่อยามตื่นนอน สิ้นสุดลงเมื่อหลับตาทอดกายลงนอน

ก็เปรียบเสมือนว่า ชีวิตคนเรามีโอกาสเริ่มใหม่ได้ทุกวัน ทุกวันได้นับ 1 อีกครั้ง ทุกวันได้เริ่มต้นอีกครั้ง

เพราะคุณก็อาจต้องการโอกาสที่จะนับ 1 มากกว่า 1 ครั้งในชีวิตนี้

ชีวิตคนเราอาจทำพลาดได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่ทำผิด แค่ 1 ครั้งก็คงจะเพียงพอ
การทำผิดก็ควรจะเรียนรู้ ผิดครั้งแรกนับเป็นครู ผิดเพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาด
ความผิดบางทีก็มาจากความตั้งใจ แต่พลาดมันไม่ตั้งใจ เราจึงไม่ควรจะทำผิดซ้ำๆ......
หากในเวลาที่รู้สึกผิด หากไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดๆ ก็ให้เอ่ยแค่คำว่าขอโทษก็เพียงพอแล้ว
ไม่ว่าความผิดนั้นจะได้รับการเยียวยาหรือไม่
ในเรื่องของความรักก็เช่นกัน
การที่คุณรักใครสักคน หรือการที่ใครสักคนรักคุณ มันก็เริ่มจาก 1 เช่นกัน 
(จะถึง 100 หรือปล่าวก็อีกเรื่องนึง)

มันเริ่มจากสิ่งเล็กๆ สิ่งหนึ่งแรกเริ่มที่คุณมอบให้แก่กัน
มันเริ่มจากวันแรกๆวันหนึ่งที่คุณเจอกัน
มันเริ่มจากคำว่ารักคำหนึ่งที่คุณเอื้อนเอ่ยแก่กัน
มันเริ่มจากความประทับใจแรกๆอันหนึ่งที่คุณเห็นคุณค่าของกันและกัน

--จนถึงวันที่คุณเป็นหนึ่งเดียวกัน--

--จนถึงวันที่คุณใช้ใจดวงเดียวกัน--

--เพราะ ความรัก และ คนรัก ต้องการความรู้สึกแรกๆนั้นอยู่เสมอไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม--

หากในวันนี้คุณกำลังเจอกับคำว่าไม่เหมือนเดิมก็ลองย้อนคิดทบทวนดูถึงวันแรก
ความรู้สึกแรกๆนั้นมีอะไรที่หลงลืมไป อะไรที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำ อะไรที่ละเลยมัน
หากคุณค้นพบคำตอบนั้น คุณก็อาจจะตกหลุมรักคนๆเดียวกันได้อีกหลายๆครั้งเช่นกัน

รักให้เหมือนกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้แล้วคุณจะไม่ต้องเสียใจภายหลัง พรุ่งนี้อาจจะสายไป

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

[เรื่องเล่า] ยักษ์ มนุษย์และมด

มียักษ์ตนหนึ่ง กับมนุษย์คนหนึ่งตายลง
จึงลงนรก รอรับการพิพากษาจากยมบาล


ยมบาล : เนื่องจากวันนี้มีวิญญาณลงมาน้อยมาก ข้าจะพิพากษาพร้อมกันทีเดียว
เอาล่ะ นายทะเบียนเล่าประวัติเจ้าพวกนี้มาซิ เริ่มจากเจ้ามนุษย์เลย

นายทะเบียนนรก : มนุษย์ผู้นี้ปัจจุบันเป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา
                           มีภรรยา 1 ลูก 1ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎ
ยมบาล : อืมไม่เคยทำชั่วน่าส่งไปสวรรค์
นายทะเบียนนรก : อ๊ะ ! ประทานโทษท่าน มนุษย์ผู้นี้ตอน 5 ขวบ
                           เคยเดินเหยียบมดตายเกือบ 50 ตัว
ยมบาล : อ้าว เจ้าเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้อื่นนี่นา

มนุษย์ได้ยินดังนั้น จึงแทรกขึ้นมา

มนุษย์ : เดี๋ยวสิท่าน นั่นเป็นแค่มดที่เผลอเหยียบนิดหน่อยเองนะขอรับ
              ข้าพเจ้าไม่เคยทำชั่วมากมายอะไรเลย
ยมบาล : ใจเย็นๆก่อน ข้าบอกจะพิพากษาทีเดียวไงเล่า ต่อไปเจ้ายักษ์นี่ประวัติเป็นยังไง
นายทะเบียนรก : ยักษ์ตนนี้ก็ประกอบอาชีพทำไรทำนา มีภรรยา 1 ลูก
                         ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎ อ๊ะ ! ยักษ์ตนนี้เมื่อครั้งยังเด็ก
                         เผลอล้ม ทำคนตายไป 5 คนขอรับ
ยมบาล : เจ้าก็เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเหมือนกันรึนี่
ยักษ์ : ข้าพเจ้าไม่เคยทำชั่วมากมายอะไรเลย นั่นเป็นแค่มนุษย์ที่เผลอเหยียบ
            เองนะขอรับแค่ 5 คนเองด้วย
มนุษย์ : !!!!

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบนะครับ 
พวกเพื่อนๆลองตัดสินแทนท่านยมบาลดูสิครับ

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

[บทความ] Look around the ME

ทุก ๆ ครั้ง ที่เหงา เศร้า ท้อแท้ น้อยใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ทุกข์

จะเกิดคำถามที่ว่า "ทำไมเรา ไม่มีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างนะ"

หากจะให้ตอบอย่างเท่ ๆ หน่อย ก็คงตอบได้ว่า

"เพราะนี่ชีวิตเรา ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น"

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ

เมื่อท้อแท้ เหงา เศร้า ดวงตาก็จะมืดบอด มองเห็นแต่ตัวเอง

การมองตัวเองเมื่อยามท้อแท้ ยิ่งมองหาจะยิ่งไม่เห็น

จนนานเข้า ก็สรุปไม่ได้ว่า นึกไม่ออกมองหาอะไรกันแน่ 

รอบๆเหลือเพียงความว่างเปล่า

ไม่มีทางจะรู้ว่า คนที่นั่งรถเมล์ข้าง ๆ เรา ตอนเลิกงาน

เขายิ้ม เขาหัวเราะ จริง ๆ แล้วเขามีความสุขจริงมากมาย ตลอดเวลาหรือไม่

เพียงแค่ ไม่ได้เห็นคนอื่นร้องไห้ ฟูมฟาย ระบายความทุกข์

ก็กลับคิดว่า "เราทุกข์อยู่คนเดียว คนอื่นถึงทุกข์ก็คงไม่เท่าเราหรอก"

เมื่อยิ่งคิด ก็ยิ่งเศร้า กำลังใจก็ยิ่งตกต่ำ ท้อถอย ไม่เป็นอันทำอะไร

มองไปที่คนอื่น มองไปรอบ ๆ ตัว เลิกมองหาแต่ตัวเอง

คงทำให้ความเหงา ท้อแท้ น้อยใจ ลดลงได้บ้าง

จะมีสักกี่คน เมื่อตัวเองมีความสุข จะเกิดคำถามที่ว่า

"ทำไมคนอื่น ถึงไม่มีความสุขแบบเราบ้างนะ"




วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

[เรื่องเล่า]วัฒนธรรมอันดีงาม

เหตุเกิดในคณะทัวร์คณะหนึ่ง

     คุณป้ารุ่นใหญ่เห็นชายหนุ่มมากับแฟนสาวเดินสวนกับพระภิกษุหน้าตาเฉย
เธอจึงกระซิบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันข้างๆว่า

คุณป้ารุ่นใหญ่ : ดูนั่นสิเธอหนุ่มสาวสมัยนี้ ไม่มีกาลเทศะเลยเนอะ เจอพระก็ไม่ไหว้


ผ่านไปอีกพักหนึ่งคณะทัวร์ของเธอไปเที่ยววัด
     คุณป้ารุ่นใหญ่เห็นหญิงสาวสองคนซึ่งคาดว่ามาด้วยกันเดินถ่ายรูปพระพุทธรูป
องค์แล้วองค์เล่า

คุณป้ารุ่นใหญ่ : ดูผู้หญิงสองคนนั่นสิเธอเอาแต่ถ่ายรูป คิดจะกราบไหว้มั่งมั้ยเนี่ย
                          แย่จริง ๆ อิฉั๊นทนไม่ไหวแล้ว ขอเข้าไปตักเตือนหน่อยเถอะ

     คุณป้ารุ่นใหญ่เดินเข้าไปหาชายหนุ่มกับหญิงสาวก่อนเป็นเป้าหมายแรก

คุณป้ารุ่นใหญ่ : นี่เธอสองคนรู้จักกาลเทศะมั่งรึเปล่า เป็นคนไทยแท้ๆ 
                          เดินผ่านพระไม่ไหว้ยะ
ชายหนุ่ม : เอ่อ...ผมไหว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ
คุณป้ารุ่นใหญ่ : ยังมาเถียงอีก ! มือเท้าก็ไม่พิการ ทำไมจะไหว้ไม่ได้ยะ
หญิงสาว : พวกเราเป็นอิสลามค่ะ
คุณป้ารุ่นใหญ่ : $@#^#@$


     คุณป้ารุ่นใหญ่เดินบ่นงุบงิ๊บออกไป หลังจากยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง
(อิสลามแล้วไหว้ไม่ได้หรือไงกันยะ ชิส์)

     คราวนี้คุณป้ารุ่นใหญ่กะที่จะระบายอารมณ์เสียเต็มที่ใส่สองสาวที่เดินถ่ายรูปกัน

คุณป้ารุ่นใหญ่ : ยัยหนูสองคนน่ะ ถ่ายรูปกันอยู่ได้ คิดจะกราบไหว้องค์พระกันบ้างมั้ย!
หญิงสาว1 : ทำไมหนูต้องไหว้ด้วยล่ะคะ
หญิงสาว 2 : คุณป้าลองบอกเหตุผลให้พวกหนูฟังหน่อยค่ะ ว่าทำไม
คุณป้ารุ่นใหญ่ : กระรี๊ด ยังมีหน้ามาเถียงอีก เป็นคนไทยก็ต้องกราบไหว้ 

                         ทำความเคารพองค์พระพุทธรูปสิยะ เมืองไทยเป็นเมืองพุทธนะยะ
                         อ๋อ เพราะวัยรุ่นอย่างพวกหล่อนนี่หล่ะ วัฒนธรรมอันดีของไทย
                        ถึงได้ค่อยๆหายไป ยัยพวกเด็กไม่รู้คุณค่าของวัฒนธรรมประเพณี 

                        กรี๊ดส์

หญิงสาว 1 : ยัยป้าคะ พวกหนูเป็นคาทอลิกตั้งแต่เกิด เกิดมาหนูก็ไม่เคยไหว้พระค่ะ
หญิงสาว 2 : อีกอย่างพวกหนูมาจากประเทศเพื่อนบ้าน พวกหนูมาทัวร์ ไม่ได้เกิด 

                   ไม่ได้เติบโตในเมืองไทย แค่พูดไทยได้ค่ะ
หญิงสาว 1 : แล้วป้าที่บอกว่าเป็นวัฒนธรรมอันดีงามของป้า ป้ามีส่วนช่วยรักษา 

                   บำรุงมันยังไงคะ แต่หนูคิดว่า การที่ป้ามาด่า ฉอดๆๆๆ อย่างนี้ 
                   มันไม่ได้ช่วยให้วัฒนธรรมอยู่จนชั่วลูกชั่วหลานหรอกนะคะ
ยัยป้ารุ่นใหญ่ : (กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส) แอบกรี๊ดเบาๆ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

Know Never know

ไม่มีทางรู้หรอก ว่าวันพรุ่งนี้ต้องเจอกับใคร
ไม่มีทางรู้หรอก ว่าอาทิตย์หน้าจะเกิดอะไร

ไม่มีทางรู้หรอก ว่าปีหน้าตัวเราจะอยู่ที่ไหน
ไม่มีทางรู้หรอก ว่าการตัดสินใจจะมีผลอย่างไร

ไม่มีทางรู้หรอก ว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จหรือไม่
 ไม่มีทางรู้หรอก ว่ามันเป็นอย่างที่คิดที่ฝันมากเท่าไหร่

ไม่ทางรู้แม้แค่ว่า 5 นาทีข้างหน้าจะเกิดอะไร
 
เพราะไม่รู้อะไรชีวิตถึงน่าตื่นเต้นทุกเวลา
ทุกวินาที

เครดิตรูปฮัพ : http://www.oknation.net/blog/savingenergy

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

Do u believe in Destiny?

- -]]9

ในหนึ่งวันของชีวิตคนเรามีเวลาเท่าๆกันคือ 24 ชม.

แต่การใช้เวลาในหนึ่งวันของแต่ละคนไม่เท่ากัน

บางคนใช้เวลามากมายไปกับการทำงาน

บางคนใช้เวลามากมายไปกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค

บางคนปล่อยเวลามากมายเหล่านั้นให้สูญเปล่า 

แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตค้นหา”ความรัก”

ในหนึ่งวันของชั่วชีวิตนี้คุณมีสิ่งที่จะได้เจอเหมือนๆกันอยู่สองสิ่งคือ “สิ่งที่คาดคิด และสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดไว้”

เหมือนที่เค้าเรียกว่าGod Has a plan สิ่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อของคำว่า”โชคชะตา”

เพราะเราไม่สามารถหยั่งรู้หรือคาดเดาได้......โลกนี้จึงมีแต่คำถาม

“โชคชะตา” ไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิด”ความรัก” แต่เป็นสิ่งที่ทำให้”ความรัก” โผล่ขึ้นมาให้คุณได้เห็น

ดังนั้นเมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น ความรักได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าคุณแล้วล่ะก็ ที่เหลืออยู่ที่คุณแล้วที่จะตัดสินใจ

ทำอะไรกับสิ่งที่โชคชะตานำพามา.......คุณจะปล่อยมันผ่านไปก็ได้ หรือจะคว้ามันไว้ก็ได้

และการมี“ความรัก”ให้กับใครไม่จำเป็นต้อง ”คาดหวัง”

แต่การอยากได้”ความรัก”จากใครสักคนนึงย่อมมาพร้อมกับ"ความคาดหวัง” 

และความคาดหวังก็มาพร้อมกับการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร

ความรักไม่เคยมีคำนิยามใดๆ หรือหาคำอธิบายใดๆได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่ามันมี”ความหมาย”

และตระหนักไว้อยู่เสมอว่า คนที่คุณรัก อาจไม่ใช่คนที่รักคุณที่สุดบนโลกใบนี้ก็เป็นได้


Yamato Pakky - -)9

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ความฝันของเธอคืออะไร

เธอมีความฝันหรือเปล่า...


ทุกครั้งที่เธอได้ยินเพลงเก่า...เก่า 


เธอเคยคิดถึงช่วงเวลาที่เธอได้ฟังเพลงนั้นบ้างไหม


ตอนนั้นเธอฝันถึงอะไร เธออยากใช้ทุกวินาทีของเธอเพื่ออะไร จำได้ไหม


แล้วตอนนี้ เธอทำให้ความฝันเหล่านั้น เป็นจริงได้หรือยัง


เด็ก...เด็ก มักจะมีความฝันที่สวยงามเกินกว่าจินตนาการได้


ผู้ใหญ่มักจะมองแค่วันพรุ่งนี้ อย่างไร้จินตนาการ


ลองมาย้อนเวลากลับกันดีกว่า


เธอมีสิทธิ์ที่จะฝัน ไม่ว่ามันจะไกลแสนไกลสักเพียงไรก็ตาม






ความฝันทำให้เรามีชีวิต ความฝันทำให้เราเดินไปข้างหน้า


บางคนเลือกที่จะสละชีวิตไป เพราะเขามองไม่เห็นหนทางข้างหน้า 


เพราะเขาไม่มีความฝัน...






ความฝัน ไม่มีใครที่จะขโมยไปจากเธอได้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อน คนที่คุณรัก


นอกเสียจากเธอจะทิ้งมันไว้กลางทาง


ช่วงเวลาต่าง ๆ เธอทิ้งความฝันของเธอไปหรือเปล่า 


ท่ามกลางเพื่อน...เพื่อน เธอเดินตามความฝันคนอื่นมาพอหรือยัง


เพื่อนของเธออาจจะทำตามสิ่งที่เขาต้องการ 


แต่บางที มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ






ความฝันของเธอคืออะไร


เธอเคยอยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะไปที่ไหนล่ะ จำได้ไหม


เธอสามารถฝันเห็นสิ่งต่าง...ต่าง ได้เรื่อย...เรื่อย 


ความฝัน เริ่มต้นใหม่ได้ เพราะมันเป็นของเธอ


อย่าลืมสิ่งที่เธอต้องการ อย่าลืมว่าเคยฝันอะไร


ลองเดินตามความฝันดู 


ถ้าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง...จริง มันไม่เหนื่อยหรอก






กล้าที่จะฝัน และกล้าที่จะทำ นั่นแหละคือคน...


เพราะเป็นคน ถึงมีความฝัน...


เพราะมีความฝัน ถึงมีอนาคต...


เพราะมีอนาคต เธอจึงมีชีวิต...


และเธอจะใช้ชีวิตอย่างสนุก เพราะเธอได้ทำสิ่งที่เธอต้องการ


ตอนนี้ เธอฝันถึงอะไร...




แด่ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าความเป็นจริงมันไม่ง่ายเลย...





วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

I got a vision,so i started a mission

หากคุณกำลังมีความสุขอาจเป็นเพราะ "คุณมีความพึงพอใจในสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่"

หากคุณกำลังมีความทุกข์อาจเป็นเพราะ "คุณกำลังลำบากใจในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่"

หากคุณกำลังยิ้ม อาจเป็นเพราะ "คุณกำลังมีความสุข"

หากคุณกำลังร้องให้ อาจเป็นเพราะ "คุณมีความทุกข์"

แต่หากคุณกำลังมี "ความรัก" อาจเป็นสิ่งเดียวที่คุณ
"ไม่ต้องการเหตุผล เพราะมันก็ไม่เคยมีเหตุผลกับคุณเหมือนกัน"

เพราะ ความรัก ประกอบไปด้วยหลายสิ่งในจักรวาลแห่งความรู้สึก

มีทั้งความสุข ความทุกข์ คิดถึง ห่วงหาอาทร เหงา เศร้า โกรธ เกลียด

ความรู้สึกทั้งหมดนี้ สามารถเกิดกับคุณได้ในเวลาเดียวกันกับที่คุณมีความรัก

จงใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล เพื่อที่คุณจะได้ไปถึงจุดหมายของชีวิต

แต่กับความรัก ถ้าไม่อยากให้รักนั้นหมดไป อย่าใช้เหตุผลกับมันมากนัก

หากวันนึงเหตุผลที่คุณรักใครสักคนนั้นหมดไป

คุณอาจจะ "ไม่เหลือเหตุผลจะรักใครได้อีก"



Yamato pakky

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

I can’t go anywhere/Do anything/Tell anyone


ในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคน ทุก ๆ คน

มีช่วงเวลาคล้าย ๆ กัน........

ตอนที่เราอยู่ในวัยเด็ก เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับ พ่อแม่ มากที่สุด....

ตอนที่เราเป็นวัยรุ่น เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับ เพื่อน มากที่สุด

ตอนที่เราย่างเข้าสู่วัยทำงาน เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับ สังคม มากที่สุด

ตอนที่เราก้าวเข้าสู่วัยกลางคน เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับ ความจริง มากที่สุด

และในท้ายที่สุดตอนที่เข้าใกล้กับช่วงสุดท้ายของชีวิต เป็นช่วงเวลาที่เรา(ควร)อยู่กับ 


“ใครสักคนที่รักคุณ และคุณก็รักเค้าจนสุดหัวใจ

ขอให้ คุณ ได้พบกับคนๆนั้นแล้วใช้ชีวิตไปด้วยกันเร็วๆ

เพราะ มนุษย์ ไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่เพียง”ลำพัง”

-ลำปางไม่หนาวเท่าลำพัง-



Yamato pakky

 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

Voice of Hope

เมื่อตะโกนเรียก

ใครที่อยู่แสนห่างไกล

มีโอกาศกี่ % ที่ใครจะได้ยิน

และยิ่งน้อยกว่าถ้าจะให้ใครหันกลับมา

โอกาศมันน้อยกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ๆ

ถ้าเชื่อมั่นว่าซักวันต้องมีใครได้ยินและหันกลับมา

สิ่งเดียวที่ต้องทำ

คือ

ตะโกนให้ดังขึ้น

และดังขึ้น

ดังขึ้น


Awabi yori