วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Alone

อยากได้เวลาไหม ?

เวลาที่จะไม่ต้องแคร์ความรู้สึกใคร เวลาที่จะร้องไห้ เวลาที่จะคิดถึงความรู้สึกเก่าเก่า

เวลาที่จะจมอยู่กับเรื่องอะไรซักอย่าง เวลาที่ไม่ต้องไปรองรับอารมณ์ของใคร

เวลาที่ไม่อยากจะเล่าอะไรให้ใครฟัง เวลาที่ไม่ต้องการใครซักคนเลยจริงจริง

เวลาที่จะทำทุกสิ่งอย่างเพื่อตัวเอง
เวลาที่จะอยู่คนเดียว...

อยากทำอะไรก็ได้
อยากตัดสินใจได้เอง
อยากร้องเพลงก็ไม่ต้องอาย
อยากร้องไห้ก็ไม่ต้องเขิน

อยากเดินไปไหนก็ไป
อยากอยู่แบบไม่มีใครว่า
อยากมองฟ้านานนานก็ได้
อยากรู้ความหมายของชีวิต

ไม่อยากคิดเรื่องคนอื่น
ไม่อยากฝืนตามใจใคร
ไม่อยากได้ความสงสาร
ไม่อยากฟังเรื่องเซ็งเซ็ง

อยากรักตัวเองให้มากกว่านี้
อยากมีจะเวลาให้กับความฝัน
อยากมีความคิดของใครของมัน
ขอเถอะ ขอให้ฉัน อยู่คนเดียว...

ก็นับข้อดีของการอยู่คนเดียวได้เยอะแล้ว มาลองอยู่คนเดียวกันเถอะ...0/

แต่ "เหงา" หน่อยนะ...

บรรทัดสุดท้ายนี่ทำให้บทความนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยแฮะ :p

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Tanabata Matsuri

                    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ฝั่งแม่น้ำด้านเหนือของ "อามาโนะคาวะ (amanokawa)" (ทางช้างเผือก)บนสวรรค์

                    เทพผู้ครองสวรรค์มีลูกสาวนางหนึ่งชื่อว่า "โอริฮิเมะ" นางสวยงามและ
ขยันขันแข็ง งานของเธอคือการทอผ้าี่ ผ้าที่เธอทอนั้นสวยงามประณีตเป็นที่พึงพอใจ
ของเหล่าเทพทั้งหลายและการที่ผ้าเธอทองดงามนั่นเอง ทำให้เธอต้องทอผ้าตลอด
วันตลอดคืน แต่เธอก็ยังขยันไม่เคยหยุดงานทอผ้าเลย

                    การที่นางทำงานไม่ยอมพักผ่อนทำให้เทพผู้เป็นบิดาเป็นห่วงและ
สงสาร จึงคิดว่าจะเธอได้มีคู่ครองให้ได้มีความสุขเล็กๆน้อยๆบ้างเทพผู้เป็นบิดาจึง
เลือกคู่ให้เธอ

                    โอริฮิเมะถูกใจชายหนุ่มชื่อ "ฮิโกโบชิ" มาก หนุ่มผู้นี้เป็นคนเลี้ยงวัว
อยู่ฝั่งด้านใต้ของอะมะโนะคาวะ เขาเป็นหนุ่มที่ขยันไม่แพ้โอริฮิเมะ ชายหนุ่มมี
ร่างกายกำยำสง่างาม และถูกตาต้องใจโอริฮิเมะเหมือนกัน

                    เทพผู้เป็นบิดา เห็นดังนั้น จึงจัดการให้ทั้งสองได้แต่งงานเรื่องราว
ที่เหมือนกำลังจะมีแต่ความสุข แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น

                    เมื่อ โอริฮิเมะ กับ ฮิโกโบชิ ได้แต่งงานกัน โอริฮิเมะ ก็ไม่ยอม
ทอผ้าเหมือนแต่ก่อน ทั้งคู่ได้แต่ออกเที่ยวด้วยกัน ทุกวันทุกคืนเธอมีความสุข
และหลงรักฮิโกโบชิมาก จนลืมหน้าที่และงานของตนเอง

                   ในช่วงแรกเทพผู้เป็นบิดาก็ให้อภัยเธอตลอด แต่นานวันเข้า เธอยิ่ง
หลงระเริงไปกับความรักจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เทพผู้เป็นบิดาจรึงโกรธและลงโทษ
สาปให้ทั้งสองแยกจากกันไปคนละทิศ โดยให้แต่ละคนไปอยู่กันคนละฝั่งของ
อามาโนะคาวะ(ทางช้างเผือก)

                    เมื่อทั้งสองโดยแยกออกจากกัน โอริฮิเมะก็โศรกเศร้าที่ต้องพลัดพราก และร่ำอาลัยแก่สามีสุดที่รัก จนน้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด

                    เทพผู้เป็นบิดา เฝ้ามองโอริฮิเมะทุกวันคืน เห็นอาการโศกเศร้าร้ายแรงขึ้นก็สงสารจนทนไม่ได้ จึงบอกว่า "จะอนุญาติให้โอริฮิเมะข้ามอามาโนะคาวะไปพบกับฮิโกโบชิได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุก ๆ ปี

                    และจากนั้นมา โอริฮิเมะและฮิโกโบชิ ก็กลับมาขยันเหมือนเดิม เฝ้ารอวันที่ 7 เดือน 7 เมื่ออามาโนะคาวะปรากฎขึ้นบนฟากฟ้า
 
                    โอริฮิเมะ และ ฮิโกโบิชิ ทั้งสองต่างเฝ้ารอและเฝ้าหวังว่าจะได้มาพบกันที่ทางช้างเผือกแห่งนี้ แม้ว่าแค่หนึ่งปีจะได้พบกันแค่หนึ่งครั้งก็ตาม...

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

InSpiraTion from heart

เวลาที่เราเรียนรู้ศึกษาใครสักคน ก็เหมือนกับการที่เราฟังเพลงหนึ่งอัลบั้มของศิลปินคนนึง


ถ้าเราฟังเพลงไม่หมดทั้งอัลบั้มแล้วเราบอกว่า ไม่ชอบ ไม่โดนก็น่าเสียดาย


 เพราะจริงๆแล้วเพลงที่เราชอบที่สุดอาจไม่ได้เป็นเพลงฮิต มันอาจจะอยู่ท้ายๆ

เราอาจจะมองข้ามมันไป เพราะสิ่งที่คุณชอบที่สุดในตัวคนที่คุณรักหรือชอบ

มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง เหมือนกับบางทีมันอาจจะเป็นแค่เพลงๆนึง

ที่ไม่ได้เพราะมากมาย แต่มันเพราะสำหรับเรา มันบรรเลงออกมาเพื่อเรา

หรือแม้แต่เพราะว่า มันเป็นเพลงที่ทำให้คุณคิดถึงเค้าได้ ในเวลาที่ได้ยิน

 สิ่งที่สำคัญจริงๆสำหรับเราก็คือ สิ่งที่เราพอใจ

วันนี้คุณได้ทำให้ใครพอใจในเสียงเพลงของคุณ

หรือค้นพบท่วงทำนองของใครสักคนที่ขับกล่อมมาเพื่อคุณหรือยัง